หน้าแรก » บทความ » กราฟฮาร์มอนิก คืออะไร? รูปแบบการเคลื่อนไหวของราคา

กราฟฮาร์มอนิก คืออะไร? รูปแบบการเคลื่อนไหวของราคา


โดย โค้ชเกรซ

อัพเดทเมื่อ 26 กันยายน 2024

ตรวจสอบความถูกต้องโดย Elite Group Academy

การเทรดในตลาดการเงินเป็นศาสตร์ที่ต้องอาศัยทั้งความรู้และประสบการณ์ หนึ่งในเทคนิคที่นักเทรดมืออาชีพนิยมใช้คือการวิเคราะห์รูปแบบกราฟฮาร์มอนิก ซึ่งช่วยให้เห็นรูปแบบการเคลื่อนไหวของราคาที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ในตลาด บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับกราฟฮาร์มอนิก รูปแบบที่สำคัญ และวิธีการนำไปใช้ในการเทรดอย่างมีประสิทธิภาพ

กราฟฮาร์มอนิกคืออะไร?

รูปแบบกราฟฮาร์มอนิก (Harmonic patterns) คือ เทคนิคการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ใช้ในการเทรดตลาดการเงิน โดยอาศัยการมองกราฟเป็นแพทเทิร์นที่มีรูปทรงคล้ายเรขาคณิต ร่วมกับการใช้อัตราส่วน Fibonacci เพื่อคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาในอนาคต วิธีนี้ช่วยให้นักเทรดสามารถระบุจุดกลับตัวที่มีโอกาสเกิดขึ้นของราคาได้ โดยการมองหารูปแบบเฉพาะที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ในตลาด

ฮาร์โมนิกประกอบด้วยหลากหลายรูปแบบ เช่น Bat, Butterfly, Crab และ Gartley โดยแต่ละรูปแบบมีกฎและเงื่อนไขเฉพาะในการระบุและใช้งาน การใช้เทคนิคนี้ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญในการมองรูปแบบและความเข้าใจในการประยุกต์ใช้อัตราส่วน Fibonacci เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการวิเคราะห์ ทั้งนี้ การใช้รูปแบบฮาร์โมนิกควรใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่นๆ เพื่อยืนยันสัญญาณและเพิ่มโอกาสความสำเร็จในการเทรด

ลักษณะสำคัญของกราฟฮาร์มอนิก:

  • แนวคิดพื้นฐาน: ตั้งอยู่บนหลักการที่ว่าตลาดมีรูปแบบการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ตามธรรมชาติ
  • การระบุรูปแบบ: ใช้จุดสำคัญ (X, A, B, C, D) เพื่อระบุและยืนยันรูปแบบต่างๆ
  • การคาดการณ์: ช่วยในการคาดการณ์ทิศทางและจุดกลับตัวของราคา
  • ความยืดหยุ่น: สามารถใช้ได้กับหลากหลายตลาด เช่น หุ้น ฟอเร็กซ์ สินค้าโภคภัณฑ์ และคริปโทเคอร์เรนซี

รูปแบบกราฟฮาร์มอนิกที่สำคัญ

  • Bat (ค้างคาว) ลักษณะ: คล้ายตัวอักษร M (ขาขึ้น) หรือ W (ขาลง) จุดเด่น: จุด C อยู่ใกล้เคียงกับจุด A ตัวอย่าง: ในแนวโน้มขาขึ้น ราคาจะเคลื่อนที่จาก X สู่ A (ขึ้น), A สู่ B (ลง), B สู่ C (ขึ้น), และ C สู่ D (ลง) ก่อนที่จะเกิดการกลับตัว
  • Butterfly (ผีเสื้อ) ลักษณะ: คล้าย Bat แต่จุด D ยืดออกไปมากกว่า จุดเด่น: จุด D มักจะอยู่ไกลกว่าจุดเริ่มต้น X ตัวอย่าง: ในรูปแบบขาลง ราคาจะลงจาก X ไป A, ขึ้นจาก A ไป B, ลงจาก B ไป C, และลงต่อจาก C ไป D ซึ่งต่ำกว่าจุด X
  • Crab (ปู) ลักษณะ: จุด D ยืดออกไปไกลมาก คล้ายก้ามปูที่กางออก จุดเด่น: ระยะห่างระหว่าง X และ D มากที่สุดในบรรดารูปแบบฮาร์มอนิกทั้งหมด ตัวอย่าง: ในแนวโน้มขาขึ้น ราคาอาจพุ่งสูงจาก X ไป A, ลดลงเล็กน้อยจาก A ไป B, ขึ้นอีกครั้งจาก B ไป C, และพุ่งสูงมากจาก C ไป D
  • Cypher (ไซเฟอร์) ลักษณะ: จุด C อยู่เหนือหรือต่ำกว่าจุด A อย่างชัดเจน จุดเด่น: รูปแบบที่แตกต่างจากรูปแบบอื่นๆ อย่างชัดเจน ตัวอย่าง: ในรูปแบบขาลง ราคาอาจลดลงจาก X ไป A, ขึ้นเล็กน้อยจาก A ไป B, ลดลงอย่างมากจาก B ไป C (ต่ำกว่า A), และขึ้นเล็กน้อยจาก C ไป D
  • Gartley (การ์ทลีย์) ลักษณะ: คล้าย M หรือ W ที่สมมาตรกัน จุดเด่น: เป็นรูปแบบคลาสสิกที่ใช้งานมานาน ตัวอย่าง: ในแนวโน้มขาขึ้น ราคาจะเคลื่อนที่จาก X สู่ A (ขึ้น), A สู่ B (ลง), B สู่ C (ขึ้น แต่ไม่เกิน A), และ C สู่ D (ลง แต่ไม่ต่ำกว่า B)
  • Shark (ฉลาม) ลักษณะ: คล้ายฟันฉลาม จุดเด่น: จุด C อยู่เหนือหรือต่ำกว่าจุดเริ่มต้น X อย่างชัดเจน ตัวอย่าง: ในรูปแบบขาขึ้น ราคาอาจเพิ่มขึ้นจาก X ไป A, ลดลงเล็กน้อยจาก A ไป B, พุ่งสูงมากจาก B ไป C (สูงกว่า X), และลดลงอย่างรวดเร็วจาก C ไป D

วิธีการใช้งานรูปแบบกราฟฮาร์มอนิก

  1. ศึกษาและจดจำรูปแบบ:
  2. ระบุแนวโน้ม:
    • พิจารณาว่าเป็นรูปแบบ Bullish (ขาขึ้น) หรือ Bearish (ขาลง)
    • ดูบริบทของตลาดโดยรวมประกอบการวิเคราะห์
  3. หาจุดเข้าเทรด:
    • รูปแบบฮาร์มอนิกมักให้สัญญาณการเข้าเทรดที่จุด D
    • ยืนยันสัญญาณด้วยเครื่องมือทางเทคนิคอื่นๆ เช่น RSI หรือ MACD
  4. กำหนด Stop Loss:
    • วางจุด Stop Loss ใต้หรือเหนือจุด D ขึ้นอยู่กับทิศทางการเทรด
    • ระยะห่างของ Stop Loss ควรสอดคล้องกับความผันผวนของตลาด
  5. ตั้งเป้าหมายกำไร:

ข้อควรระวัง

  • ไม่ควรใช้การวิเคราะห์รูปแบบฮาร์มอนิกเพียงอย่างเดียว ควรใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่นๆ เช่น แนวรับแนวต้าน, ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่, หรือดัชนีความแข็งแกร่งสัมพัทธ์ (RSI)
  • ฝึกฝนและทดสอบกลยุทธ์ในบัญชีทดลองก่อนนำไปใช้จริง เพื่อสร้างความมั่นใจและปรับปรุงทักษะการวิเคราะห์
  • ตระหนักว่าไม่มีรูปแบบใดที่แม่นยำ 100% เสมอไป การจัดการความเสี่ยงที่ดีเป็นสิ่งสำคัญในการเทรดทุกครั้ง
  • ติดตามข่าวสารและปัจจัยพื้นฐานควบคู่ไปกับการวิเคราะห์ทางเทคนิค เนื่องจากเหตุการณ์สำคัญอาจส่งผลกระทบต่อราคาโดยไม่คำนึงถึงรูปแบบทางเทคนิค

บทสรุป

การเรียนรู้และฝึกฝนการมองรูปแบบกราฟฮาร์มอนิกอย่างสม่ำเสมอจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการวิเคราะห์ตลาดและการตัดสินใจเทรดของคุณ อย่างไรก็ตาม จำไว้ว่าการเทรดที่ประสบความสำเร็จไม่ได้มาจากการใช้เครื่องมือใดเครื่องมือหนึ่งเพียงอย่างเดียว แต่มาจากการผสมผสานความรู้ ประสบการณ์ และการจัดการความเสี่ยงที่ดี การพัฒนาทักษะในการระบุและใช้รูปแบบกราฟฮาร์มอนิกอย่างมีประสิทธิภาพต้องใช้เวลาและความอดทน แต่เมื่อมีความชำนาญแล้ว มันจะเป็นเครื่องมือที่มีค่าในการวิเคราะห์ตลาดและการตัดสินใจเทรดของคุณ