หน้าแรก » บทความ » ทองคำ (Gold) คืออะไร? ทำไมราคาทองคำผันผวนตามเศรษฐกิจสหรัฐฯ และจีน

ทองคำ (Gold) คืออะไร? ทำไมราคาทองคำผันผวนตามเศรษฐกิจสหรัฐฯ และจีน


โดย โค้ชมิว

อัพเดทเมื่อ 28 เมษายน 2025

ตรวจสอบความถูกต้องโดย Elite Group Academy

ทองคำ (Gold) เป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมมายาวนานหลายพันปี นอกจากจะเป็นโลหะมีค่าที่ใช้ในอุตสาหกรรมและการผลิตเครื่องประดับแล้ว ทองคำยังมีบทบาทสำคัญในฐานะ “สินทรัพย์ปลอดภัย” (Safe Haven) ที่นักลงทุนทั่วโลกนิยมถือครองในยามที่เศรษฐกิจเผชิญความไม่แน่นอน ในตลาดโลก ราคาทองคำไม่ได้ขยับตามกลไกอุปสงค์อุปทานทั่วไปเท่านั้น แต่ยังตอบสนองต่อสภาวะเศรษฐกิจ การเมือง และนโยบายการเงิน โดยเฉพาะความเคลื่อนไหวในสองประเทศมหาอำนาจอย่าง สหรัฐอเมริกา และ จีน ซึ่งมีอิทธิพลอย่างมากต่อราคาทองคำในระดับโลก

ทองคำคืออะไร?

ทองคำคืออะไร?

ทองคำ (Gold) เป็นธาตุโลหะมีค่าที่มีสัญลักษณ์ทางเคมีคือ Au (มาจากภาษาละติน Aurum) และมีคุณสมบัติเฉพาะตัวที่ทำให้มันโดดเด่น เช่น ความทนทานต่อการกัดกร่อน ความเงางามถาวร และความสามารถในการหลอมและขึ้นรูปได้ง่าย ในด้านเศรษฐกิจ ทองคำไม่ได้เป็นเพียงวัตถุดิบในอุตสาหกรรมหรือเครื่องประดับ แต่ยังถูกใช้เป็น “หน่วยวัดมูลค่า” ในอดีต เช่น ระบบมาตรฐานทองคำ (Gold Standard) และยังคงมีบทบาทสำคัญในยุคปัจจุบันในฐานะสินทรัพย์ลงทุน เพื่อกระจายความเสี่ยงและปกป้องพอร์ตจากภาวะเงินเฟ้อหรือความไม่แน่นอนในตลาด คุณสมบัติที่ทำให้ทองคำมีคุณค่าทางเศรษฐกิจ ได้แก่:

  • หายากและมีปริมาณจำกัด
  • ไม่เสื่อมสภาพตามกาลเวลา
  • ได้รับการยอมรับในระดับโลก

ด้วยเหตุนี้ ทองคำจึงเป็นสินทรัพย์ที่ได้รับความเชื่อมั่นสูงจากนักลงทุนทั่วโลก และราคาของมันจึงมีแนวโน้มตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลกอย่างใกล้ชิด

บทบาทของสหรัฐอเมริกาต่อราคาทองคำ

เมื่อเกิดวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ เช่น ภาวะถดถอย วิกฤติการเงิน หรือความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ นักลงทุนมักมองหาสินทรัพย์ที่คงมูลค่าและมีความเสี่ยงต่ำในการถือครอง ทองคำจึงถูกเลือกเป็นสินทรัพย์อันดับต้น ๆ เพราะทองคำไม่ได้พึ่งพารายได้จากดอกเบี้ยหรือปันผล และมีมูลค่าที่ได้รับการยอมรับในระดับโลกมาโดยตลอด ในช่วงที่ความเสี่ยงในตลาดการเงินเพิ่มสูง ราคาทองคำมักปรับตัวขึ้นจากการไหลเข้าของเงินทุนเพื่อหลีกเลี่ยงความผันผวนในสินทรัพย์เสี่ยง เช่น หุ้น หรือพันธบัตรความเสี่ยงสูง

สหรัฐอเมริกาไม่เพียงเป็นประเทศที่มีทองคำสำรองในคลังมากที่สุดในโลก แต่ยังมีอิทธิพลอย่างสูงผ่านทางนโยบายการเงินของ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ที่ส่งผลโดยตรงต่อราคาทองคำ นโยบายของ FED เกี่ยวข้องกับการกำหนดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งส่งผลต่อสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) โดยมีความสัมพันธ์ดังนี้:

  • เมื่อ FED ขึ้นอัตราดอกเบี้ย: ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ทองคำซึ่งถูกตั้งราคาด้วยดอลลาร์จะแพงขึ้นสำหรับผู้ถือสกุลเงินอื่น ทำให้อุปสงค์ทองคำลดลง ราคาทองคำจึงมักปรับตัวลดลง
  • เมื่อเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัว หรือ FED ผ่อนคลายนโยบายการเงิน: นักลงทุนมีแนวโน้มขายสินทรัพย์เสี่ยงและเข้าซื้อทองคำเพื่อรักษามูลค่า ส่งผลให้ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้น

ตัวอย่างสำคัญ เช่น ในช่วงวิกฤต COVID-19 ปี 2020 ที่ FED ปรับลดดอกเบี้ยอย่างรุนแรง ราคาทองคำทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

ความต้องการทองคำจากจีนและผลกระทบต่อตลาดโลก

แม้ว่าสหรัฐฯ จะถือทองคำสำรองมากที่สุด แต่จีนก็มีบทบาทสำคัญในฐานะผู้บริโภคทองคำรายใหญ่ของโลก ความต้องการทองคำภายในประเทศจีนขับเคลื่อนจากหลายปัจจัย เช่น:

  • ความนิยมทองคำในฐานะเครื่องประดับ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลตรุษจีนและงานแต่งงาน
  • ความกังวลเกี่ยวกับความเสถียรของค่าเงินหยวน (CNY)
  • ความต้องการกระจายความเสี่ยงในการถือสินทรัพย์ในภาวะเศรษฐกิจไม่แน่นอน

เมื่อเศรษฐกิจจีนมีสัญญาณอ่อนแอ หรือมีความไม่แน่นอนด้านเศรษฐกิจและการเมือง ความต้องการทองคำในประเทศจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้ราคาทองคำโลกได้รับแรงสนับสนุน

ความตึงเครียดระหว่างจีน-สหรัฐ

นอกจากปัจจัยเศรษฐกิจภายในแล้ว ความขัดแย้งระหว่างจีนและสหรัฐ ไม่ว่าจะเป็นสงครามการค้า (Trade War) ข้อพิพาททางเทคโนโลยี หรือปัญหาด้านการทูต มักเป็นตัวกระตุ้นสำคัญให้ราคาทองคำผันผวนอย่างรุนแรง ในช่วงที่มีข่าวความขัดแย้งรุนแรง นักลงทุนทั่วโลกจะปรับพอร์ตการลงทุน เพื่อลดการถือครองสินทรัพย์เสี่ยงและเพิ่มน้ำหนักในทองคำซึ่งทำหน้าที่เป็น Safe Haven ยกตัวอย่างเช่น ความตึงเครียดระหว่างจีน-สหรัฐในปี 2019 ที่ทำให้ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้นจากความกังวลของนักลงทุนต่อเสถียรภาพของเศรษฐกิจโลก

ราคาทองคำสะท้อนอะไร?

ราคาทองคำถือเป็นหนึ่งใน “เครื่องวัด” ความกลัวหรือความมั่นใจของนักลงทุนทั่วโลก หากเศรษฐกิจโลกมีเสถียรภาพ และตลาดการเงินแข็งแรง ราคาทองคำมักเคลื่อนไหวในกรอบแคบหรือปรับตัวลง แต่หากมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น เช่น ภาวะเงินเฟ้อสูง ความไม่แน่นอนทางการเมือง หรือความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ ราคาทองคำจะตอบสนองอย่างรวดเร็วด้วยการปรับตัวสูงขึ้น จึงกล่าวได้ว่า การติดตามราคาทองคำอย่างใกล้ชิด ช่วยให้นักลงทุนเข้าใจ “อุณหภูมิ” ของตลาดโลก และสามารถวางแผนกลยุทธ์การลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การเทรดหรือการลงทุนในทองคำอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ได้อาศัยเพียงการดูราคาขึ้นหรือลงเท่านั้น แต่ต้องเข้าใจปัจจัยเศรษฐกิจมหภาค นโยบายการเงิน และความสัมพันธ์ระหว่างทองคำกับสกุลเงินหลักอย่างดอลลาร์สหรัฐ Elite Group Academy พร้อมให้ความรู้และฝึกอบรมตั้งแต่ระดับพื้นฐานจนถึงขั้นสูง เพื่อช่วยให้คุณวิเคราะห์ราคาทองคำอย่างแม่นยำ และสามารถเทรดได้อย่างมีวินัยในสภาวะตลาดที่ผันผวน

สนใจเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการเทรดทองคำ และการวิเคราะห์ตลาดโลกอย่างมืออาชีพ

คำเตือนความเสี่ยง: การลงทุนในทองคำและตลาดการเงินมีความเสี่ยงสูง นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลและวางแผนการลงทุนอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน