บทวิเคราะห์ทองคำ XAUUSD ประจำวันที่ 11 ตุลาคม 2024

อัพเดทครั้งสุดท้าย 11 ตุลาคม 2024

โค้ชเจน, นักวิเคราะห์ข่าวการเงิน

รายงานข่าวเศรษฐกิจสำคัญประจำวันที่ควรติดตาม

19:30 น. USD – Core PPI m/m
หากตัวเลขสูงกว่าที่คาดหมาย อาจบ่งชี้ถึงแรงกดดันจากเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ซึ่งส่งผลให้ USD แข็งค่าขึ้น และอาจทำให้ราคาทองคำลดลง เนื่องจากการลงทุนในทองคำอาจลดลงเมื่อค่าเงินดอลลาร์แข็งขึ้น

19:30 น. USD – PPI m/m
ถ้าตัวเลขสูงกว่าคาดหมาย อาจแสดงถึงการเพิ่มขึ้นของต้นทุนผู้ผลิต ซึ่งจะทำให้ตลาดคาดการณ์ว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป ส่งผลเชิงลบต่อทองคำ

20:45 น. USD – FOMC Member Goolsbee Speaks
หากถ้อยแถลงของ Goolsbee มีท่าทีที่ “hawkish” หรือเข้มงวดเกี่ยวกับนโยบายการเงิน มีแนวโน้มที่จะส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น เนื่องจากท่าทีดังกล่าวบ่งบอกถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือการคุมเข้มทางการเงิน ซึ่งมักจะกดดันราคาทองคำให้ลดลง

21:00 น. USD – Prelim UoM Consumer Sentiment
ตัวเลขสูงบ่งบอกถึงความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจของผู้บริโภค ซึ่งช่วยให้ USD แข็งค่าขึ้น ราคาทองคำมีแนวโน้มลดลง

21:00 น. USD – Prelim UoM Inflation Expectations
ตัวเลขสูงอาจบ่งชี้ถึงความกังวลต่อเงินเฟ้อที่จะกระตุ้นให้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ส่งผลลบต่อทองคำ

21:45 น. USD – FOMC Member Logan Speaks
หาก Logan พูดถึงนโยบายที่เข้มงวด (hawkish) ตลาดอาจคาดหวังการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะกดดันราคา

เหตุการณ์สำคัญประจำวัน

สรุปภาพรวมของวันก่อน:
High สูงสุด $2631
Low ต่ำสุด $2604

1. ราคาทองคำฟื้นตัวขึ้น หลังจากที่ราคาปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นเวลา 6 วัน

2. ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 2.4% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดไว้

3. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์เพิ่มขึ้น 33,000 ราย เป็น 258,000 ราย ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่วันที่ 5 สิงหาคม 2566

4. ความกังวลเกิดจากการที่คณะรัฐมนตรีมีการประชุมเพื่อโหวตแผนตอบโต้การโจมตีอิสราเอล ซึ่งสร้างความตึงเครียดในตะวันออกกลาง

5. กองทุน SPDR ถือครองทองคำในระดับเท่าเดิม

การวิเคราะห์ทางเทคนิค

• มีแรงซื้อเข้ามามากขึ้น หากราคาย่อตัวจำกัด สามารถยืนเหนือแนวรับได้ อาจมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อ
• แนวรับระยะสั้นอยู่ในช่วง 2,627-2,619 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สำหรับแนวต้านประเมินไว้ที่ 2,652-2,669 ดอลลาร์ต่อออนซ์
• แนะนำเปิดสถานะซื้อหากราคาไม่หลุดแนวรับดังกล่าว โดยมีเป้าหมายทำกำไรที่ 2,647-2,652 ดอลลาร์ต่อออนซ์
• หากยืนไม่ได้ ควรตัดขาดทุนที่ระดับราคา 2,600 ดอลลาร์ต่อออนซ์