ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรา นิวยอร์กในวันพุธ (28 ก.พ.) ขณะที่นักลงทุนรอการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐและ ยุโรปในวันพฤหัสบดีนี้ และการปรับสถานะการลงทุนในช่วงสิ้นเดือนอาจจะกำหนดทิศทางตลาด
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของคอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ปรับตัวขึ้น 0.14% สู่ระดับ 103.975 ยูโร อ่อนค่าลง 0.11% สู่ระดับ 1.0832 ดอลลาร์ ขณะที่ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น 0.12% สู่ ระดับ 150.68 เยน ดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วง 1.23% สู่ระดับ 0.6094 ดอลลาร์สหรัฐ หลังธนาคารกลาง นิวซีแลนด์ตรึงอัตราดอกเบี้ยตามคาดในวันพุธ
ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลีย อ่อนค่าลง 0.75% สู่ระดับ 0.6493 ดอลลาร์สหรัฐ หลังเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภคที่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปีในเดือนม.ค. ซึ่งตอกย้ำการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางออสเตรเลียไม่มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก
คาดการณ์ข้อมูลค่าเงินในอนาคต
ดอลลาร์พุ่งขึ้นเมื่อเกียบกับยูโรและเยน ก่อนสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ในวันพฤหัสบดีนี้ และเยอรมนี, ฝรั่งเศสและสเปนจะเปิดเผย ข้อมูลเงินเฟ้อในวันพฤหัสบดีด้วยเช่นกัน แต่ยูโรโซนจะเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อในวันศุกร์ดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)
แนวโน้มและผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงของสกุลเงิน
ส่วนข้อมูลที่เปิดเผยในวันพุธบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวแข็งแกร่งในไตรมาส 4เนื่องจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคแข็งแกร่ง กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 4/2566 โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 3.2% ในไตรมาสดังกล่าง ต่ำกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ที่ระดับ 3.3% นายจอห์น วิลเลียม ประธานเฟด สาขานิวยอร์กกล่าวว่า มีโอกาสที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในปีนี้ โดยจะขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจที่จะมีการเปิดเผยออกมาในอนาคต
Advertisement