ภาพรวมเนื้อหา
Scalping คืออะไร? การทำกำไรในตลาดการเงินระยะสั้น
โดย โค้ชกร
อัพเดทเมื่อ 18 มกราคม 2025
ตรวจสอบความถูกต้องโดย Elite Group Academy
ในโลกของการเทรด มีกลยุทธ์การลงทุนมากมายให้เลือกใช้ ตั้งแต่การลงทุนระยะยาวที่อาจใช้เวลาหลายปี ไปจนถึงการเทรดระยะสั้นที่จบภายในวันเดียว แต่มีกลยุทธ์หนึ่งที่ถือว่าใช้เวลาสั้นที่สุดและได้รับความนิยมในหมู่เทรดเดอร์มืออาชีพ นั่นคือ “Scalping” บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับการเทรดรูปแบบนี้อย่างละเอียด
Scalping คืออะไร?

Scalping เป็นกลยุทธ์การซื้อขายที่มุ่งทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาในช่วงเวลาสั้นๆ เทรดเดอร์จะเปิดและปิดออร์เดอร์หลายครั้งในหนึ่งวัน โดยแต่ละครั้งอาจใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีถึงไม่กี่นาทีเท่านั้น เป้าหมายคือการสะสมกำไรเล็กๆ จากการเคลื่อนไหวของราคา เช่น การทำกำไร 1-2 Pips จากคู่เงิน EUR/USD ในเวลา 30 วินาที แล้วทำซ้ำกระบวนการนี้หลายครั้งตลอดทั้งวัน
การเทรดแบบ Scalping ต้องอาศัยระบบการจัดการความเสี่ยงที่เข้มงวดและวินัยในการเทรดที่สูงมาก เนื่องจากการขาดทุนครั้งใหญ่เพียงครั้งเดียวอาจทำลายกำไรเล็กๆ ที่สะสมมาทั้งวันได้ นอกจากนี้ การเทรดในกรอบเวลาสั้นๆ ยังต้องเผชิญกับความผันผวนที่สูง จึงต้องการความสามารถในการตัดสินใจที่รวดเร็วและแม่นยำ
ทำไมถึงเลือกทำ Scalping?
เทรดเดอร์หลายคนเลือกทำ Scalping เพราะเชื่อว่าการทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาในระยะสั้นนั้นมีความเสี่ยงน้อยกว่าการถือครองสถานะไว้นาน การเคลื่อนไหวของราคาในระยะสั้นมักจะมีรูปแบบที่ชัดเจนกว่าและคาดการณ์ได้ง่ายกว่าการเคลื่อนไหวในระยะยาว ซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกมากมาย
อย่างไรก็ตาม Scalping ไม่ใช่กลยุทธ์ที่เหมาะกับทุกคน เพราะต้องการความรู้ความเข้าใจในตลาดอย่างลึกซึ้ง ความสามารถในการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ดี และที่สำคัญคือต้องมีเวลาติดตามตลาดอย่างใกล้ชิด จึงไม่เหมาะกับผู้ที่มีงานประจำหรือไม่สามารถอยู่หน้าจอได้ตลอดเวลา
วิธีการทำ Scalping
การทำ Scalping สามารถทำได้หลายรูปแบบ แต่ที่นิยมมี 3 วิธีหลัก:
1. Market Making
รูปแบบนี้เทรดเดอร์จะพยายามทำกำไรจาก Spread โดยการวาง Bid และ Offer พร้อมกันสำหรับสินทรัพย์ตัวเดียวกัน วิธีนี้ต้องการความเชี่ยวชาญสูงมากเพราะต้องแข่งขันกับ Market Maker มืออาชีพ ซึ่งมีความได้เปรียบทั้งในด้านเทคโนโลยีและเงินทุน
2. Volume Trading
การเทรดรูปแบบนี้จะใช้ปริมาณการซื้อขายที่สูงมากเพื่อทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาเพียงเล็กน้อย เทรดเดอร์จะต้องเข้าซื้อขายในปริมาณหลายพันหน่วยและรอการเคลื่อนไหวของราคาเพียงเล็กน้อย วิธีนี้จำเป็นต้องเลือกสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูงมาก เพื่อให้สามารถเข้าและออกจากตลาดได้อย่างรวดเร็ว
3. Signal Trading
เป็นการเทรดที่ใช้สัญญาณทางเทคนิคเป็นตัวชี้นำ เทรดเดอร์จะเข้าซื้อขายเมื่อได้รับสัญญาณและออกทันทีที่ถึงเป้าหมายกำไรที่กำหนดไว้ โดยมักจะใช้อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนประมาณ 1:1 วิธีนี้ถือว่าใกล้เคียงกับการเทรดแบบดั้งเดิมมากที่สุด
การจัดการความเสี่ยงใน Scalping
การจัดการความเสี่ยงเป็นหัวใจสำคัญของการทำ Scalping เพราะแม้จะเป็นการเทรดระยะสั้น แต่ความผันผวนของตลาดก็สามารถสร้างความเสียหายได้อย่างรวดเร็ว เทรดเดอร์จำเป็นต้องมีแผนการจัดการความเสี่ยงที่ชัดเจนและเคร่งครัด ทั้งในเรื่องของการกำหนด Stop Loss, Take Profit และขนาดการลงทุนต่อครั้ง นอกจากนี้ ยังต้องระวังเรื่องค่าธรรมเนียมการซื้อขายและ Spread เพราะการเทรดบ่อยครั้งหมายถึงค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น ดังนั้นการเลือกโบรกเกอร์ที่มี Spread ต่ำและค่าคอมมิชชั่นที่เหมาะสมจึงเป็นเรื่องสำคัญ
สำหรับผู้ที่สนใจจะเริ่มต้นทำ Scalping ควรเริ่มจากการศึกษาและทำความเข้าใจตลาดให้ดีก่อน ฝึกฝนการใช้เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคและระบบการจัดการความเสี่ยง ควรเริ่มต้นด้วยการใช้บัญชีทดลอง (Demo Account) เพื่อสร้างความคุ้นเคยกับการเทรดในสภาวะจริง และเมื่อพร้อมแล้วจึงค่อยๆ เริ่มด้วยเงินลงทุนจริงในจำนวนที่ไม่มากเกินไป
สรุป
Scalping เป็นกลยุทธ์การเทรดที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีได้หากทำอย่างถูกวิธี แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงและความท้าทายที่สูง ผู้ที่จะประสบความสำเร็จต้องมีทั้งความรู้ ประสบการณ์ การควบคุมอารมณ์ที่ดี และระบบการจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ
คำเตือน: การเทรดในตลาดการเงินมีความเสี่ยงสูง โดยเฉพาะการใช้ Leverage อาจทำให้สูญเสียเงินมากกว่าเงินลงทุนเริ่มต้น ควรศึกษาและประเมินความเสี่ยงให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุน