ภาพรวมเนื้อหา
ตลาดช่วง Sideway คืออะไร? เลือกเทรดยังไงให้เทคนิคดี
โดย โค้ชเกรซ
อัพเดทเมื่อ 26 กันยายน 2024
ตรวจสอบความถูกต้องโดย Elite Group Academy
ในโลกของการเทรด ไม่ว่าจะเป็นหุ้น Forex หรือคริปโตเคอร์เรนซี เราจะพบว่าตลาดมีการเคลื่อนไหวในรูปแบบต่างๆ หนึ่งในนั้นคือช่วง Sideway ซึ่งเป็นสภาวะตลาดที่ท้าทายสำหรับนักเทรดหลายคน แต่หากเข้าใจและรู้วิธีรับมือ ก็สามารถสร้างโอกาสในการทำกำไรได้ บทความนี้ Elite Group Academy จะพาคุณไปทำความรู้จักกับตลาด Sideway พร้อมเทคนิคการเทรดที่มีประสิทธิภาพ
Sideway คืออะไร
Sideways คือ สภาวะตลาดที่มีลักษณะเฉพาะและน่าสนใจสำหรับนักเทรดและนักลงทุน โดยในช่วงนี้ ราคาของสินทรัพย์จะเคลื่อนไหวในแนวราบ ไม่มีทิศทางที่ชัดเจนว่าจะขึ้นหรือลง ราคามักจะวิ่งอยู่ในกรอบแคบๆ ระหว่างแนวรับ (Support) และแนวต้าน (Resistance) โดยไม่มีการทะลุผ่านอย่างมีนัยสำคัญ
สาเหตุของการเกิดตลาด Sideways นั้นมาจากการที่ทั้งฝั่งซื้อและฝั่งขายยังลังเลไม่เลือกทิศทาง พวกเขาอาจกำลังรอดูปัจจัยสำคัญที่จะมีผลต่อราคา เช่น การประกาศผลประกอบการของบริษัท นโยบายทางเศรษฐกิจ หรือเหตุการณ์สำคัญทางการเมือง ทำให้เกิดสภาวะที่ทั้งสองฝ่ายยังไม่กล้าตัดสินใจซื้อหรือขายอย่างหนักแน่น
ลักษณะสำคัญของตลาด Sideways คือความไม่แน่นอน ไม่มีใครสามารถคาดเดาได้ว่ามันจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่หรือจะจบลงตอนไหน สภาวะนี้จะดำเนินไปจนกว่าจะเกิดการ Break out หรือ Break down ซึ่งจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเป็นทิศทางขาขึ้นหรือขาลงอย่างชัดเจน สำหรับนักเทรด การรับมือกับตลาด Sideways ถือเป็นความท้าทาย เนื่องจากโอกาสในการทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาอาจมีจำกัด อย่างไรก็ตาม ยังมีกลยุทธ์ที่นักเทรดสามารถเลือกใช้ในช่วงนี้ได้ เช่น:
- Straddle: เป็นกลยุทธ์ที่ใช้ในตลาด Options โดยการซื้อทั้ง Call และ Put Options ที่มี Strike Price เดียวกัน เพื่อทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาไม่ว่าจะขึ้นหรือลง
- Strangle: คล้ายกับ Straddle แต่ใช้ Options ที่มี Strike Price ต่างกัน ทำให้มีต้นทุนที่ต่ำกว่า แต่ต้องการการเคลื่อนไหวของราคาที่มากกว่าเพื่อทำกำไร
- Short Options: เป็นการขาย Options เพื่อทำกำไรจากค่า Time Value ที่ลดลงเมื่อเวลาผ่านไป โดยหวังว่าราคาจะยังคงอยู่ในกรอบ Sideways
นอกจากนี้ นักเทรดยังอาจใช้กลยุทธ์การเทรดในกรอบ (Range Trading) โดยซื้อที่แนวรับและขายที่แนวต้าน หรือรอจังหวะ Breakout เพื่อเข้าเทรดตามทิศทางใหม่ที่เกิดขึ้น การเข้าใจลักษณะของตลาด Sideways และรู้จักใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสมจะช่วยให้นักเทรดสามารถรับมือกับสภาวะตลาดนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ว่าจะเป็นช่วงที่ท้าทาย แต่ก็ยังมีโอกาสในการสร้างผลกำไรหากมีการวางแผนและบริหารความเสี่ยงอย่างรอบคอบ
ลักษณะการเคลื่อนไหวของราคาช่วง Sideway
ตัวอย่าง: สมมติว่าหุ้น XYZ มีราคาเคลื่อนไหวระหว่าง 48-52 บาทมาเป็นเวลา 2 เดือน โดยไม่มีการทะลุผ่านกรอบนี้อย่างมีนัยสำคัญ นี่คือตัวอย่างของตลาด Sideway
- การเคลื่อนไหวในกรอบแคบ: ราคามักจะอยู่ในช่วงที่จำกัด โดยมีแนวรับและแนวต้านที่ชัดเจน
- ไม่มีแนวโน้มที่ชัดเจน: ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นขาขึ้นหรือขาลง
- ความผันผวนต่ำ: การเคลื่อนไหวของราคามักจะไม่รุนแรง เมื่อเทียบกับช่วง Uptrend หรือ Downtrend
- ปริมาณการซื้อขายต่ำ: มักจะพบว่าปริมาณการซื้อขายในช่วง Sideway จะน้อยกว่าช่วงที่ตลาดมีทิศทางชัดเจน
Sideway, Uptrend และ Downtrend แตกต่างกันอย่างไร
Trend (เทรน) คือแนวโน้มของราคา ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภทหลักดังนี้:
- เทรนขาขึ้น (Up-Trend)ราคามีการสร้างจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดที่สูงขึ้นเรื่อยๆ
- มักจะมี Higher Highs และ Higher Lows
- เหมาะกับกลยุทธ์การซื้อและถือ (Buy and Hold)
- เทรนขาลง (Down-Trend)ราคามีการสร้างจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดที่ต่ำลงเรื่อยๆ
- มักจะมี Lower Highs และ Lower Lows
- เหมาะกับกลยุทธ์การขายชอร์ต (Short Selling)
- ไซต์เวย์ (Sideways)ราคาเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ไม่มีทิศทางชัดเจน
- จุดสูงสุดและจุดต่ำสุดอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน
- เหมาะกับกลยุทธ์การเทรดในกรอบ (Range Trading)
กลยุทธ์และวิธีการเทรดในช่วง Sideway
ในช่วงตลาด Sideway นักเทรดสามารถใช้หลากหลายกลยุทธ์และวิธีการเพื่อสร้างโอกาสในการทำกำไร แม้ว่าราคาจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบ หนึ่งในกลยุทธ์ที่นิยมใช้คือการเทรดในกรอบ (Range Trading) โดยนักเทรดจะทำการซื้อเมื่อราคาเข้าใกล้แนวรับและขายเมื่อราคาขึ้นไปถึงแนวต้าน ในการระบุจุดซื้อขายที่เหมาะสม นักเทรดมักใช้เครื่องมือทางเทคนิคอย่าง RSI (Relative Strength Index) เพื่อช่วยในการตัดสินใจ
สำหรับนักเทรดที่มีความเชี่ยวชาญในตลาดอนุพันธ์ การใช้ Options ก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ กลยุทธ์เช่น Iron Condor หรือ Butterfly Spread สามารถนำมาใช้เพื่อทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาในกรอบได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีความเข้าใจในอนุพันธ์เป็นอย่างดี เนื่องจากมีความซับซ้อนและความเสี่ยงที่สูงกว่า
นอกจากนี้ การรอจังหวะ Breakout ก็เป็นอีกกลยุทธ์ที่นักเทรดนิยมใช้ในช่วง Sideway โดยจะวางคำสั่งซื้อหรือขายไว้ล่วงหน้าเมื่อราคาทะลุกรอบ Sideway ไม่ว่าจะเป็นทางขึ้นหรือลง ทั้งนี้ การใช้ Volume เป็นตัวยืนยันการ Breakout จะช่วยลดโอกาสการเกิด False Breakout ได้ การใช้ Oscillators เช่น Stochastic หรือ MACD ก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยในการระบุจุดซื้อขายในกรอบได้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาด Sideway ที่ราคามีการแกว่งตัวขึ้นลงในกรอบแคบๆ เครื่องมือเหล่านี้จะช่วยบ่งชี้จุดที่ราคาอาจจะกลับตัวได้
สุดท้าย สำหรับนักเทรดที่ชอบความท้าทายและมีเวลาติดตามตลาดอย่างใกล้ชิด การเทรดระยะสั้น หรือ Scalping ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง วิธีนี้เน้นการทำกำไรจากการเคลื่อนไหวเล็กๆ น้อยๆ ในกรอบ โดยอาศัยการเข้าออกตลาดบ่อยครั้ง อย่างไรก็ตาม นักเทรดต้องระมัดระวังเรื่องค่าธรรมเนียมที่อาจสูงขึ้นจากการเทรดบ่อย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผลกำไรโดยรวมได้ ไม่ว่าจะเลือกใช้กลยุทธ์ใด สิ่งสำคัญคือการเข้าใจลักษณะของตลาด Sideway การบริหารความเสี่ยงอย่างเหมาะสม และการปรับกลยุทธ์ให้เข้ากับสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ การฝึกฝนและทดสอบกลยุทธ์ต่างๆ ในสภาวะตลาดจำลองก่อนนำไปใช้จริงก็เป็นสิ่งที่แนะนำสำหรับนักเทรดที่ต้องการพัฒนาทักษะในการเทรดช่วง Sideway
การบริหารความเสี่ยงการเทรดในช่วง Sideway
- การใช้ Stop Loss ที่แคบ: เนื่องจากการเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ควรตั้ง Stop Loss ใกล้กับจุดเข้า
- การจำกัดขนาดการเทรด: ลดขนาดการเทรดลงเนื่องจากโอกาสในการทำกำไรอาจน้อยกว่าช่วงที่มีเทรนชัดเจน
- การใช้ Take Profit ที่สมเหตุสมผล: ตั้งเป้าหมายกำไรที่สอดคล้องกับกรอบการเคลื่อนไหว
- การระวัง False Breakout: ยืนยันการทะลุกรอบด้วย Volume และการรอให้ราคายืนยันก่อนเข้าเทรด
- การกระจายความเสี่ยง: ไม่ควรทุ่มเททรัพยากรทั้งหมดไปกับการเทรดในช่วง Sideway
ประโยชน์ของตลาด Sideways
- โอกาสในการสะสมหรือทยอยขาย: นักลงทุนระยะยาวสามารถใช้ช่วงนี้ในการสะสมหรือทยอยขายโดยไม่กระทบราคามากนัก
- การฝึกฝนทักษะการวิเคราะห์ทางเทคนิค: ช่วง Sideway เป็นโอกาสดีในการฝึกใช้เครื่องมือทางเทคนิคต่างๆ
- การลดความเสี่ยงจากความผันผวน: เหมาะสำหรับนักเทรดที่ไม่ชอบความเสี่ยงสูง
- โอกาสในการทำกำไรจาก Options: นักเทรด Options สามารถใช้กลยุทธ์เฉพาะเพื่อทำกำไรในช่วงนี้ได้ดี
- การเตรียมตัวสำหรับการเปลี่ยนแปลงของตลาด: ช่วง Sideway มักเป็นจุดเปลี่ยนของตลาด การสังเกตและวิเคราะห์ในช่วงนี้จะช่วยให้เตรียมพร้อมสำหรับทิศทางใหม่ของตลาดได้ดี
บทสรุป
ตลาดช่วง Sideway แม้จะท้าทาย แต่ก็เปิดโอกาสให้นักเทรดที่มีความเข้าใจและกลยุทธ์ที่เหมาะสมสามารถทำกำไรได้ การเลือกใช้เทคนิคที่ถูกต้อง เช่น การเทรดในกรอบ การใช้ Options หรือการรอจังหวะ Breakout ร่วมกับการบริหารความเสี่ยงที่ดี จะช่วยให้นักเทรดสามารถผ่านพ้นช่วงเวลานี้ไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับนักลงทุนระยะยาว ช่วง Sideway อาจเป็นโอกาสในการสะสมหรือปรับพอร์ตการลงทุน ในขณะที่นักเทรดระยะสั้นสามารถฝึกฝนทักษะและทดลองใช้กลยุทธ์ใหม่ๆ ได้ การเทรดในตลาดการเงินมีความเสี่ยง ดังนั้นการศึกษา ฝึกฝน และพัฒนากลยุทธ์อย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ประสบความสำเร็จในระยะยาว ไม่ว่าตลาดจะอยู่ในช่วง Sideway, Uptrend หรือ Downtrend ก็ตาม