ภาพรวมเนื้อหา
เทคนิคการตั้ง SL และ TP ให้แม่นยำ ก่อนเริ่มเทรด Forex
โดย โค้ชชิน
อัพเดทเมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2025
ตรวจสอบความถูกต้องโดย Elite Group Academy
การเทรด Forex ไม่ใช่แค่เรื่องของการเลือกจุดเข้าซื้อหรือขายที่ดีเท่านั้น แต่สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือการรู้จักจุดที่ควรจะออกจากตลาด ไม่ว่าจะเป็นการออกเพื่อจำกัดการขาดทุน หรือออกเพื่อเก็บกำไร นี่คือเหตุผลที่เทรดเดอร์จำเป็นต้องเข้าใจและใช้งาน SL (Stop Loss) และ TP (Take Profit) ให้เป็น บทความ Elite Group Academy นี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับเครื่องมือทั้งสองอย่างละเอียด พร้อมเทคนิคการใช้งานที่จะช่วยให้คุณบริหารความเสี่ยงและจัดการกำไรได้อย่างมีประสิทธิภาพ
SL (Stop Loss) คืออะไร
Stop Loss หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า SL นั้นทำหน้าที่เหมือนเบรกฉุกเฉินในการเทรด มันคือคำสั่งอัตโนมัติที่จะปิดการเทรดของเราทันทีเมื่อราคาเคลื่อนที่ไปในทิศทางที่ตรงข้ามกับที่เราคาดการณ์ไว้จนถึงจุดที่เรากำหนด
ยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดขึ้น สมมติว่าคุณวิเคราะห์แล้วเห็นว่า EUR/USD มีแนวโน้มจะปรับตัวขึ้น คุณจึงตัดสินใจเปิดคำสั่งซื้อที่ราคา 1.1000 และตั้ง SL ไว้ที่ 1.0950 นั่นหมายความว่า หากการวิเคราะห์ของคุณผิดพลาดและราคากลับลงมาถึง 1.0950 ระบบจะทำการปิดออเดอร์ให้คุณทันที ทำให้คุณขาดทุนเพียง 50 pips แทนที่จะปล่อยให้ราคาลงลึกไปเรื่อยๆ จนอาจทำให้บัญชีของคุณเสียหายหนัก
TP (Take Profit) คืออะไร
Take Profit หรือ TP เปรียบเสมือนเป้าหมายในการทำกำไรของเรา เมื่อเราเปิดออเดอร์ใดๆ เราควรรู้ตั้งแต่ต้นว่าต้องการทำกำไรเท่าไหร่ จากตัวอย่างการซื้อ EUR/USD ที่ราคา 1.1000 สมมติว่าเราตั้ง TP ไว้ที่ 1.1100 นั่นหมายความว่าเมื่อราคาวิ่งขึ้นไปถึงจุดนั้น ระบบจะปิดออเดอร์ให้เราโดยอัตโนมัติ ทำให้เราได้กำไร 100 pips ทันที โดยไม่ต้องเฝ้าหน้าจอคอยดูราคาตลอดเวลา
ความสำคัญของการใช้ SL และ TP ร่วมกัน
คงเคยได้ยินว่าตลาด Forex นั้นเปลี่ยนแปลงเร็วมาก บางทีราคาที่กำลังขึ้นสวยๆ อยู่ดีๆ ก็อาจจะร่วงลงมาแรงๆ ได้ในไม่กี่นาที นี่เป็นเหตุผลที่เราต้องใช้ทั้ง SL และ TP ไปพร้อมกัน เหมือนกับการที่เรามีแผนสำรองไว้รับมือทุกสถานการณ์ ซึ่งเวลาเราเทรด เราควรรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่า “ถ้าขาดทุน จะยอมขาดทุนแค่ไหน” และ “ถ้าได้กำไร จะเอากำไรเท่าไหร่” เช่น ถ้าเรามีเงินในบัญชี 100,000 บาท เราอาจจะตั้งใจว่าจะยอมขาดทุนไม่เกิน 2,000 บาทต่อการเทรดหนึ่งครั้ง และตั้งเป้ากำไรไว้ที่ 4,000 บาท การมีแผนชัดเจนแบบนี้จะช่วยให้เราไม่ต้องมานั่งเครียดหรือกังวลระหว่างที่ตลาดกำลังเคลื่อนไหว
การตั้ง SL แบบปลอดภัย
การตั้ง SL ที่ดีเหมือนกับการซื้อประกันให้กับเงินของเรา ลองนึกภาพว่าเราเห็นราคา EUR/USD กำลังจะขึ้น เราเลยซื้อที่ราคา 1.1000 ถ้าเราดูกราฟย้อนหลัง เราจะเห็นว่าราคามันมักจะไม่หลุดต่ำกว่า 1.0950 มานานแล้ว จุดนี้เลยเหมาะที่จะเป็นที่ตั้ง SL ของเรา แต่แทนที่จะตั้งพอดี 1.0950 เราควรตั้งที่ 1.0935 หรือต่ำกว่านั้นนิดหน่อย เผื่อไว้กรณีที่ราคาอาจจะหลุดลงมานิดๆ หน่อยๆ ก่อนจะดีดกลับขึ้นไป
การกำหนด TP ให้คุ้มค่า
การตั้ง TP นี่ต้องดูว่าตลาดตอนนั้นเป็นยังไง ถ้าราคากำลังวิ่งขึ้นแรงๆ เราก็ตั้ง TP ไว้ไกลหน่อยได้ เช่น ถ้าเราซื้อที่ 1.1000 และเห็นว่ามีแนวต้านอยู่ที่ 1.1100 เราก็อาจจะตั้ง TP ไว้ที่ 1.1090 เผื่อไว้นิดหน่อย เพราะบางทีราคาอาจจะไม่ขึ้นไปถึง 1.1100 พอดี แต่ถ้าราคากำลังวิ่งขึ้นๆ ลงๆ อยู่ในกรอบแคบๆ เราก็ควรตั้ง TP ใกล้ๆ หน่อย อาจจะแค่ 30-40 pips จากจุดเข้า แต่สิ่งสำคัญคือ TP ควรจะห่างจากจุดเข้าเป็น 2 เท่าของ SL เป็นอย่างน้อย เช่น ถ้าเรายอมขาดทุน 50 pips เราควรตั้งเป้ากำไรไว้ที่ 100 pips ขึ้นไป เพื่อให้คุ้มกับความเสี่ยงที่เราแบกรับไว้
การปรับใช้ในช่วงที่ตลาดผิดปกติ
เวลามีข่าวสำคัญหรือช่วงที่ตลาดผันผวนแรงๆ เราต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะราคาอาจจะวิ่งขึ้นลงแรงกว่าปกติหลายเท่า ลองนึกภาพง่ายๆ ว่า ถ้าวันธรรมดาราคามันอาจจะวิ่งขึ้นลงแค่ 50 pips แต่พอมีข่าวใหญ่ๆ เช่น ข่าวดอกเบี้ย ราคาอาจจะพุ่งขึ้นหรือร่วงลงถึง 100-200 pips ในเวลาไม่กี่นาที ในสถานการณ์แบบนี้ เราต้องปรับวิธีเทรดให้เข้ากับสถานการณ์ เช่น ถ้าปกติเราตั้ง SL ไว้ที่ 50 pips เราอาจต้องขยายเป็น 100 pips และปรับ TP เป็น 200 pips แต่ที่สำคัญคือ เราต้องลดขนาดเงินที่เทรดลงด้วย
ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ สมมติปกติเราเทรด 1 lot ที่มีความเสี่ยง 50 pips คิดเป็นเงินประมาณ 5,000 บาท แต่พอช่วงข่าว เราอาจจะต้องเทรดแค่ 0.5 lot แต่ขยาย SL เป็น 100 pips ซึ่งความเสี่ยงก็จะยังเท่าเดิมที่ 5,000 บาท แต่เราจะมีพื้นที่ให้ราคาวิ่งมากขึ้น
ตัวช่วยในการตั้ง SL และ TP
ในการตั้ง SL และ TP เราไม่จำเป็นต้องเดาสุ่มเอา เรามีเครื่องมือช่วยหลายอย่าง เช่น แนวรับแนวต้านในกราฟ จุดที่ราคามักจะสะท้อนกลับบ่อยๆ หรือแม้แต่การดูว่าราคามันวิ่งขึ้นลงกี่ pips ในแต่ละวัน (เรียกว่า Average Daily Range) ถ้าเราสังเกตดีๆ จะเห็นว่าแต่ละคู่เงินมักจะวิ่งในระยะที่ใกล้เคียงกันในแต่ละวัน เช่น EUR/USD อาจจะวิ่งวันละประมาณ 100 pips ดังนั้นถ้าเราจะตั้ง TP ก็ไม่ควรตั้งไกลเกิน 100 pips นอกจากจะมีเหตุผลพิเศษจริงๆ
บทสรุป
บางคนอาจจะเห็นราคากำลังขาดทุนแล้วตัดสินใจเลื่อน SL ออกไปไกลขึ้น หวังว่าราคาจะกลับมา นี่เป็นความคิดที่อันตรายมาก เพราะถ้าราคาไม่กลับ เราจะขาดทุนหนักกว่าเดิม เหมือนกับที่เราวางแผนไว้แล้วว่าจะยอมขาดทุนแค่ 2,000 บาท แต่พอขาดทุนจริงๆ กลับปล่อยให้ขาดทุนเป็น 5,000 หรือ 10,000 บาท
อีกเรื่องที่ต้องระวังคือการตั้ง TP ไกลเกินไป บางคนโลภอยากได้กำไรเยอะๆ เลยตั้ง TP ไว้ไกลมาก แต่ความจริงคือ ยิ่งตั้ง TP ไกลเท่าไหร่ โอกาสที่ราคาจะไปถึงก็ยิ่งน้อยลงเท่านั้น บางทีอาจจะดีกว่าถ้าเราแบ่งปิดกำไรเป็นช่วงๆ เช่น พอได้กำไร 50 pips ก็ปิดไป 50% ของออเดอร์ ที่เหลือค่อยปล่อยไปทำกำไรต่อ
การตั้ง SL และ TP ที่ดีไม่ได้มาจากสูตรสำเร็จ แต่มาจากประสบการณ์และการเรียนรู้จากการเทรดจริง สิ่งสำคัญคือต้องมีวินัย ทำตามแผนที่วางไว้ และไม่ปล่อยให้อารมณ์มาทำลายแผนที่วางไว้อย่างดีแล้ว ลองฝึกในบัญชีทดลองก่อน จดบันทึกว่าเราตั้ง SL TP แบบไหนได้ผลดี แบบไหนที่ต้องปรับปรุง แล้วค่อยๆ พัฒนาสไตล์การเทรดของตัวเองขึ้นมา เพราะสุดท้ายแล้ว เป้าหมายของเราไม่ใช่แค่การทำกำไร แต่เป็นการอยู่รอดในตลาดได้อย่างยั่งยืน