ภาพรวมเนื้อหา
WACC คืออะไร? ทำไมถึงสำคัญกับการประเมินมูลค่าหุ้น
โดย โค้ชเจน
อัพเดทเมื่อ 23 มีนาคม 2025
ตรวจสอบความถูกต้องโดย Elite Group Academy
ในการประเมินมูลค่าหุ้นแบบมืออาชีพ หนึ่งในตัวแปรสำคัญที่นักวิเคราะห์การเงินและนักลงทุนสายพื้นฐานใช้ในการคำนวณคือค่า WACC หรือ Weighted Average Cost of Capital ซึ่งอาจเป็นคำที่ดูเทคนิคัลและซับซ้อนในตอนแรก แต่แท้จริงแล้วมันคือหัวใจของกระบวนการประเมินมูลค่าของกิจการ เพราะหากคุณไม่เข้าใจว่าค่า WACC คืออะไร และมีผลอย่างไรต่อมูลค่าของหุ้น คุณอาจตีราคาหุ้นผิดไปอย่างมีนัยสำคัญ
WACC คืออะไร?

WACC คือ อัตราต้นทุนเงินถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของบริษัท หมายถึง อัตราผลตอบแทนขั้นต่ำที่กิจการต้องสร้างให้กับผู้ถือหุ้นและเจ้าหนี้ เพื่อให้การลงทุนในกิจการนั้น “คุ้มค่า” เมื่อเปรียบเทียบกับทางเลือกอื่นในตลาดเงินหรือทุน
กล่าวอีกนัยหนึ่ง WACC เปรียบเสมือน “อัตราดอกเบี้ยขั้นต่ำ” ที่กิจการต้องจ่าย ให้กับแหล่งเงินทุนทั้งหมดที่บริษัทใช้ ไม่ว่าจะเป็นจากผู้ถือหุ้น (ทุน) หรือจากเจ้าหนี้ (หนี้สิน) โดยการคิดค่านี้จะพิจารณาจากสัดส่วนเงินทุนของแต่ละส่วน และความเสี่ยงที่สัมพันธ์กับแหล่งทุนนั้นๆ
สูตรพื้นฐานของ WACC คือ:
WACC = (E/V × Re) + (D/V × Rd × (1 – Tc))
โดยที่:
- E = มูลค่าตลาดของส่วนทุน
- D = มูลค่าตลาดของหนี้สิน
- V = E + D (รวมมูลค่าทุนทั้งหมด)
- Re = ต้นทุนของส่วนทุน (Cost of Equity)
- Rd = ต้นทุนของหนี้สิน (Cost of Debt)
- Tc = อัตราภาษีนิติบุคคล
WACC จึงเป็นการถัวเฉลี่ย “ต้นทุน” ของการระดมทุนทั้งหมดที่บริษัทใช้ โดยคำนึงถึงภาระภาษีและความเสี่ยงที่แตกต่างกันของแต่ละแหล่งเงิน
ทำไม WACC จึงสำคัญกับการประเมินมูลค่าหุ้น?

หากคุณใช้วิธี DCF (Discounted Cash Flow) ซึ่งเป็นวิธีหลักในการประเมินมูลค่าหุ้นตามปัจจัยพื้นฐาน ค่า WACC คือ “อัตราส่วนลด” หรือ Discount Rate ที่ใช้หามูลค่าปัจจุบันของกระแสเงินสดในอนาคตที่บริษัทจะสามารถสร้างได้ DCF เป็นแนวคิดที่ว่า มูลค่าที่แท้จริงของหุ้นคือ “มูลค่าปัจจุบันของกระแสเงินสดอนาคต” โดยที่เงินในอนาคตจะมีค่าน้อยลงตามกาลเวลา (Time Value of Money) การใช้ WACC เป็นอัตราส่วนลดในการถ่วงน้ำหนักเงินสดในแต่ละปี จะทำให้เราได้ “Fair Value” หรือมูลค่าที่เหมาะสมของกิจการภายใต้โครงสร้างเงินทุนที่แท้จริง
หากคุณใช้ค่า WACC ต่ำเกินจริง มูลค่าหุ้นที่คำนวณจะสูงเกินจริง ทำให้คุณอาจตัดสินใจลงทุนในราคาที่แพงเกินไป ในทางกลับกัน หากคุณใช้ค่า WACC สูงเกินไป มูลค่าหุ้นก็จะต่ำเกินจริง ทำให้พลาดโอกาสในการลงทุนที่ดีได้เช่นกัน ดังนั้น ความแม่นยำของค่า WACC จึงมีความสำคัญอย่างมาก เพราะมันเปรียบเสมือน “ตัวแปรหลัก” ที่ควบคุมผลลัพธ์ของการประเมินมูลค่าทั้งหมด
ตัวอย่างการใช้งาน WACC ใน DCF
สมมติว่าคุณต้องการประเมินหุ้นของบริษัท A โดยคาดว่าบริษัทจะสร้างกระแสเงินสดอิสระ (Free Cash Flow) ได้ปีละ 1,000 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ยปีละ 3% และมีค่า WACC อยู่ที่ 8%
โดยใช้สูตรของ Gordon Growth Model (ซึ่งเป็น DCF แบบ Simplified)
Value = FCF × (1 + g) / (WACC – g)
จะได้:
Value = 1,000 × (1 + 0.03) / (0.08 – 0.03) = 1,030 / 0.05 = 20,600 ล้านบาท
ในกรณีนี้ มูลค่าของกิจการจะอยู่ที่ประมาณ 20,600 ล้านบาท หากมีหุ้น 1,000 ล้านหุ้น ราคาต่อหุ้นที่เหมาะสมคือ 20.6 บาท แต่หากคุณใช้ค่า WACC ที่ต่างออกไปเพียง 1% เช่น 9% มูลค่าก็จะลดลงทันที:
Value = 1,030 / (0.09 – 0.03) = 1,030 / 0.06 = 17,166 ล้านบาท
นั่นคือความแตกต่างกว่า 3,000 ล้านบาท จากการเปลี่ยนแปลงของ WACC เพียงเล็กน้อย
อะไรที่ส่งผลต่อค่า WACC?
WACC ไม่ใช่ตัวเลขตายตัว เพราะจะเปลี่ยนแปลงได้ตาม:
- โครงสร้างเงินทุนของกิจการ หากบริษัทใช้หนี้มากขึ้น อัตราส่วน D/V ก็จะสูง ทำให้ต้นทุนทางการเงินต่ำลง (เนื่องจากดอกเบี้ยหักภาษีได้) แต่ในขณะเดียวกัน ความเสี่ยงก็จะเพิ่มขึ้นเช่นกัน
- สภาวะตลาดและอัตราดอกเบี้ย เมื่ออัตราดอกเบี้ยของระบบการเงินสูงขึ้น ต้นทุนของหนี้สินก็สูงขึ้น ส่งผลให้ WACC เพิ่มขึ้นตาม
- การประเมินความเสี่ยงของกิจการ โดยเฉพาะในส่วนของ Cost of Equity ที่ขึ้นอยู่กับความเสี่ยงเชิงระบบ (Systematic Risk) ซึ่งมักวัดด้วย Beta ยิ่งกิจการมีความผันผวนสูง WACC ก็จะยิ่งสูงตามไปด้วย
บทสรุป
WACC คือเครื่องมือสำคัญในการประเมินมูลค่าหุ้นแบบ DCF ที่ช่วยให้เราคำนวณมูลค่าที่เหมาะสมของกิจการได้แม่นยำขึ้น โดยทำหน้าที่เป็นอัตราส่วนลดในการหามูลค่าปัจจุบันของกระแสเงินสดในอนาคต ซึ่งเป็นหัวใจของการวิเคราะห์เชิงพื้นฐานอย่างแท้จริง
การเข้าใจว่า WACC คืออะไร ไม่ใช่แค่การท่องสูตร แต่คือการเข้าใจแก่นของการจัดหาเงินทุน การบริหารความเสี่ยง และการวัดความคุ้มค่าของการลงทุน หากคุณต้องการประเมินมูลค่าหุ้นให้แม่นยำและมีมุมมองเชิงกลยุทธ์ระยะยาว WACC คือสิ่งที่คุณควรให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ