ภาพรวมเนื้อหา
รวม 82 คำศัพท์ forex ความรู้พื้นฐานสำหรับนักเทรดมือใหม่
โดย โค้ชเกรซ
อัพเดทเมื่อ 26 กันยายน 2024
ตรวจสอบความถูกต้องโดย Elite Group Academy
ในโลกของการลงทุนและการเทรด การเข้าใจคำศัพท์ forex เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับนักลงทุนทุกระดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้เริ่มต้น การรู้และเข้าใจคำศัพท์เหล่านี้จะช่วยให้นักลงทุนสามารถวิเคราะห์ตลาด ตัดสินใจ และสื่อสารกับผู้เชี่ยวชาญในวงการได้อย่างมีประสิทธิภาพ บทความนี้ Elite Group Academy จะอธิบายคำศัพท์สำคัญ 82 คำศัพท์ forex ที่นักลงทุนควรรู้ โดยแบ่งเป็นหมวดหมู่เพื่อความเข้าใจที่ดียิ่งขึ้น
คำศัพท์พื้นฐานในตลาดการเงิน
1. Trade (การซื้อขาย): การทำธุรกรรมซื้อขายสินทรัพย์ในตลาดการเงิน
2. Position (ตำแหน่งการเทรด): จำนวนหน่วยของสินทรัพย์ที่นักเทรดถือครองอยู่ในตลาด
3. Ask (ราคาเสนอขาย): ราคาต่ำสุดที่ผู้ขายยินดีจะขายสินทรัพย์หรือหลักทรัพย์ ในตลาดการเงิน ราคา Ask มักจะสูงกว่าราคา Bid เสมอ
4. Bid (ราคาเสนอซื้อ): ราคาสูงสุดที่ผู้ซื้อยินดีจะจ่ายเพื่อซื้อสินทรัพย์หรือหลักทรัพย์ ราคา Bid มักจะต่ำกว่าราคา Ask
5. Bid/Ask Spread (ส่วนต่างราคาเสนอซื้อและเสนอขาย): ความแตกต่างระหว่างราคา Bid และ Ask ส่วนต่างนี้แสดงถึงสภาพคล่องของตลาดและต้นทุนในการทำธุรกรรม ตัวอย่าง: หากราคา Ask ของหุ้น ABC คือ 100 บาท และราคา Bid คือ 99 บาท ส่วนต่าง Bid/Ask Spread จะเท่ากับ 1 บาท
6. Limit Order (คำสั่งซื้อขายแบบจำกัดราคา): คำสั่งซื้อหรือขายที่กำหนดราคาสูงสุดที่ยินดีจะซื้อ หรือราคาต่ำสุดที่ยินดีจะขาย คำสั่งนี้จะถูกดำเนินการเฉพาะเมื่อราคาตลาดถึงระดับที่กำหนดไว้เท่านั้น
7. Stop Loss Order (คำสั่งหยุดขาดทุน): คำสั่งที่ใช้จำกัดความเสี่ยงโดยกำหนดราคาที่จะขายสินทรัพย์ออกโดยอัตโนมัติเมื่อราคาลดลงถึงระดับที่กำหนด เพื่อป้องกันการขาดทุนที่มากเกินไป
8. Liquidity (สภาพคล่อง): ความง่ายในการซื้อหรือขายสินทรัพย์ในตลาดโดยไม่ทำให้ราคาของสินทรัพย์เปลี่ยนแปลงมากนัก
9. Volatility (ความผันผวน): ระดับการเปลี่ยนแปลงของราคาสินทรัพย์ในช่วงเวลาหนึ่ง ซึ่งแสดงถึงความเสี่ยงในการลงทุน
คำศัพท์เกี่ยวกับตลาดและสภาวะตลาด
10. Bear Market (ตลาดขาลง): สภาวะตลาดที่ราคาสินทรัพย์มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง มักจะใช้เมื่อราคาลดลงมากกว่า 20% จากจุดสูงสุด
11. Bull Market (ตลาดขาขึ้น): ตรงกันข้ามกับ Bear Market คือสภาวะตลาดที่ราคาสินทรัพย์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มักจะใช้เมื่อราคาเพิ่มขึ้นมากกว่า 20% จากจุดต่ำสุด
12. Breakout (การทะลุแนวต้านหรือแนวรับ): ปรากฏการณ์ที่ราคาสินทรัพย์เคลื่อนที่ผ่านระดับแนวต้านหรือแนวรับที่สำคัญ มักจะนำไปสู่การเคลื่อนไหวของราคาอย่างรวดเร็วในทิศทางของการทะลุ
13. Channel (ช่องราคา): รูปแบบทางเทคนิคที่ราคาสินทรัพย์เคลื่อนที่ระหว่างแนวโน้มขนานสองเส้น โดยมีแนวต้านด้านบนและแนวรับด้านล่าง
14. Gap (ช่องว่างราคา): ช่องว่างระหว่างราคาปิดของวันก่อนหน้าและราคาเปิดของวันปัจจุบัน ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงราคาอย่างมีนัยสำคัญระหว่างช่วงเวลาที่ตลาดปิดทำการ
15. Range (ช่วงราคา): ความแตกต่างระหว่างราคาสูงสุดและต่ำสุดของสินทรัพย์ในช่วงเวลาที่กำหนด
16. Slippage (การลื่นไถล): ความแตกต่างระหว่างราคาที่คาดหวังกับราคาที่การซื้อขายถูกดำเนินการจริง
17. Economic Calendar (ปฏิทินเศรษฐกิจ): เครื่องมือที่แสดงวันและเวลาของการประกาศข้อมูลทางเศรษฐกิจที่สำคัญ
คำศัพท์เกี่ยวกับเครื่องมือการเทรดและการวิเคราะห์
18. Averaging (การเฉลี่ยต้นทุน): กลยุทธ์การลงทุนที่นักลงทุนซื้อสินทรัพย์เพิ่มเติมเมื่อราคาลดลง เพื่อลดต้นทุนเฉลี่ยต่อหน่วยของการถือครอง
19. Bar (กราฟแท่ง): รูปแบบการแสดงข้อมูลราคาในแผนภูมิ โดยแต่ละแท่งจะแสดงราคาเปิด ปิด สูงสุด และต่ำสุดในช่วงเวลาที่กำหนด
20. Bollinger Band (แถบโบลลิงเจอร์): เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ประกอบด้วยเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่และแถบความผันผวนด้านบนและด้านล่าง ใช้เพื่อวัดความผันผวนของตลาดและระบุจุดที่ราคาอาจสูงหรือต่ำเกินไป
21. Candlestick Chart Pattern (รูปแบบแท่งเทียน): วิธีการแสดงข้อมูลราคาในรูปแบบแท่งเทียน ซึ่งให้ข้อมูลราคาเปิด ปิด สูงสุด และต่ำสุดในช่วงเวลาหนึ่ง รวมถึงแสดงความสัมพันธ์ระหว่างราคาเปิดและปิดด้วยสีของแท่งเทียน
22. Doji (โดจิ): รูปแบบแท่งเทียนที่ราคาเปิดและปิดใกล้เคียงกันมาก แสดงถึงความไม่แน่นอนในตลาดและอาจบ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงแนวโน้ม
23. Indicator (ตัวบ่งชี้): เครื่องมือทางคณิตศาสตร์ที่ใช้ในการวิเคราะห์ทางเทคนิค เพื่อคาดการณ์แนวโน้มราคาหรือยืนยันแนวโน้มที่มีอยู่
24. MACD (Moving Average Convergence Divergence): ตัวบ่งชี้ทางเทคนิคที่ใช้ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่เพื่อแสดงความสัมพันธ์ระหว่างสองค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ของราคา ใช้เพื่อระบุแนวโน้มและจุดเปลี่ยนแนวโน้ม
25. Moving Average Crossover (การตัดกันของค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่): สัญญาณการซื้อหรือขายที่เกิดขึ้นเมื่อเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะสั้นตัดกับเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะยาว
26. Stochastic Oscillator (ตัวบ่งชี้ Stochastic): เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ใช้ในการวัดสถานะการซื้อเกินหรือขายเกินของสินทรัพย์
27. Correlation (ความสัมพันธ์): การวัดความสัมพันธ์ระหว่างการเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์สองชนิด
คำศัพท์เกี่ยวกับตลาดเงินตราต่างประเทศ (Forex)
28. Base Currency (สกุลเงินหลัก): เป็นสกุลเงินแรกในคู่สกุลเงิน เช่น ในคู่ EUR/USD, EUR คือสกุลเงินหลัก
29. Counter Currency (สกุลเงินรอง): เป็นสกุลเงินที่สองในคู่สกุลเงิน เช่น ในคู่ EUR/USD, USD คือสกุลเงินรอง
30. Currency Pair (คู่สกุลเงิน): เป็นการจับคู่สกุลเงินสองสกุลที่ใช้ในการซื้อขายในตลาด Forex เช่น EUR/USD, GBP/JPY
31. Exchange Rate (อัตราแลกเปลี่ยน): คือราคาของสกุลเงินหนึ่งเมื่อเทียบกับอีกสกุลเงินหนึ่ง
32. Forex (Foreign Exchange Market): เป็นตลาดการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งเป็นที่ซื้อขายแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่าง ๆ เพื่อทำกำไรจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน
33. Pip (จุด): หน่วยวัดการเปลี่ยนแปลงราคาที่เล็กที่สุดในคู่สกุลเงิน โดยปกติเท่ากับ 0.0001 ในคู่สกุลเงินส่วนใหญ่
34. Lot (ล็อต): หน่วยมาตรฐานในการซื้อขายในตลาด Forex โดยปกติเท่ากับ 100,000 หน่วยของสกุลเงินหลัก
35. Liquidity Provider (ผู้ให้สภาพคล่อง): สถาบันการเงินหรือบุคคลที่เสนอราคาซื้อและขายเพื่อเพิ่มสภาพคล่องในตลาด
36. Forex Broker (นายหน้าซื้อขายเงินตราต่างประเทศ): บริษัทที่ให้บริการและเป็นตัวกลางในการซื้อขายเงินตราต่างประเทศ
37. Forex Signal (สัญญาณการเทรด Forex): คำแนะนำในการซื้อขายที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับจุดเข้าซื้อขาย จุดทำกำไร และจุดตัดขาดทุน
คำศัพท์เกี่ยวกับการจัดการความเสี่ยงและการเงิน
38. CFD (Contract for Difference): เป็นสัญญาทางการเงินที่ผู้ซื้อและผู้ขายตกลงที่จะชำระส่วนต่างระหว่างราคาปัจจุบันของสินทรัพย์อ้างอิงกับราคา ณ วันที่สัญญาหมดอายุ
39. Derivative (ตราสารอนุพันธ์): เป็นสัญญาทางการเงินที่มีมูลค่าขึ้นอยู่กับสินทรัพย์อ้างอิง เช่น หุ้น พันธบัตร สินค้าโภคภัณฑ์ หรือสกุลเงิน
40. Drawdown (การถอยหลังของพอร์ตการลงทุน): คือการลดลงของมูลค่าพอร์ตการลงทุนจากจุดสูงสุดไปยังจุดต่ำสุดในช่วงเวลาหนึ่ง ใช้วัดความเสี่ยงและประสิทธิภาพของการลงทุน
41. Equity (ส่วนของเจ้าของ): ในบริบทของการเทรด หมายถึงมูลค่ารวมของบัญชีเทรด ซึ่งรวมถึงเงินสดและกำไรขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงของตำแหน่งที่เปิดอยู่
42. Floating Profit/Loss (กำไร/ขาดทุนลอยตัว): เป็นกำไรหรือขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง
43. Leverage (การยกระดับ): เป็นการใช้เงินกู้ยืมในการลงทุนเพื่อเพิ่มผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุน ซึ่งสามารถทำให้กำไรเพิ่มขึ้นได้ แต่ในขณะเดียวกันก็เพิ่มความเสี่ยงที่จะขาดทุนมากขึ้น
44. Margin (มาร์จิ้น): เป็นจำนวนเงินที่นักเทรดต้องมีในบัญชีเพื่อเปิดตำแหน่งการเทรด โดยเป็นหลักประกันที่ใช้รองรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการเทรดด้วย Leverage
45. Margin Call (การเรียกเติมเงินประกัน): เป็นการแจ้งเตือนจากโบรกเกอร์ให้นักเทรดเพิ่มเงินในบัญชีมาร์จิ้น หากมูลค่าของบัญชีลดลงต่ำกว่าระดับที่กำหนด
46. Position Size (ขนาดของตำแหน่ง): หมายถึงจำนวนหน่วยของสินทรัพย์ที่นักเทรดเปิดในตำแหน่งการเทรด ขนาดของตำแหน่งมีผลต่อความเสี่ยงและผลตอบแทนของการเทรด
47. Risk Management (การจัดการความเสี่ยง): เป็นการวางแผนและการใช้กลยุทธ์เพื่อควบคุมความเสี่ยงในการลงทุน เพื่อป้องกันการสูญเสียที่มากเกินไปและเพิ่มโอกาสในการทำกำไร
48. Risk/Reward Ratio (อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน): เป็นอัตราส่วนที่แสดงถึงความเสี่ยงที่นักลงทุนยอมรับเมื่อเทียบกับผลตอบแทนที่คาดหวัง
49. Stop Out Level (ระดับการหยุดการซื้อขาย): เป็นระดับมาร์จิ้นที่หากบัญชีลดลงต่ำกว่าระดับนี้ โบรกเกอร์จะปิดตำแหน่งที่เปิดอยู่โดยอัตโนมัติ
50. Rollover (การต่ออายุ): กระบวนการต่ออายุสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่ใกล้จะหมดอายุไปยังเดือนถัดไป
51. Leverage Ratio (อัตราส่วนการยกระดับ): อัตราส่วนที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่างขนาดของตำแหน่งการเทรดกับเงินในบัญชี
52. Margin Level (ระดับมาร์จิ้น): อัตราส่วนระหว่างมูลค่าของบัญชี (Equity) กับมาร์จิ้นที่ใช้ แสดงเป็นเปอร์เซ็นต์
53. Swap (ค่าธรรมเนียมการถือครองข้ามคืน): ค่าธรรมเนียมหรือดอกเบี้ยที่เกิดจากการถือครองตำแหน่งการเทรดข้ามคืน
คำศัพท์เกี่ยวกับการวิเคราะห์ทางเทคนิค
54. Fibonacci Retracement (การหาค่าถอยหลังของฟีโบนัชชี): เป็นเครื่องมือการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ใช้หาแนวรับและแนวต้าน โดยใช้ลำดับเลขฟีโบนัชชีในการหาค่าถอยหลังของราคา
55. Moving Average (ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่): เป็นตัวบ่งชี้ที่ใช้ในการวิเคราะห์แนวโน้มของราคา โดยคำนวณค่าเฉลี่ยของราคาสินทรัพย์ในช่วงเวลาที่กำหนด
56. RSI (Relative Strength Index): เป็นตัวบ่งชี้ทางเทคนิคที่ใช้ในการวัดความแรงและความเร็วของการเคลื่อนไหวของราคา ใช้ในการหาจุดที่ราคาสูงหรือต่ำเกินไป
57. Support and Resistance (แนวรับและแนวต้าน): แนวรับคือระดับราคาที่สินทรัพย์มักจะหยุดตกและเริ่มกลับขึ้น แนวต้านคือระดับราคาที่สินทรัพย์มักจะหยุดขึ้นและเริ่มกลับตก
58. Trend Line (เส้นแนวโน้ม): เป็นเส้นที่ลากผ่านจุดต่ำสุดหรือจุดสูงสุดของราคาในช่วงเวลาหนึ่ง เพื่อแสดงทิศทางของแนวโน้ม
59. Ichimoku Cloud (Ichimoku Kinko Hyo): เป็นตัวบ่งชี้ทางเทคนิคที่ประกอบด้วยหลายส่วน เพื่อระบุแนวโน้ม, แนวรับ, แนวต้าน และแรงสนับสนุน
60. Pivot Points (จุดหมุน): เป็นตัวบ่งชี้ทางเทคนิคที่ใช้ในการระบุระดับแนวรับและแนวต้านในกราฟราคา
61. Technical Analysis (การวิเคราะห์ทางเทคนิค): วิธีการวิเคราะห์แนวโน้มของราคาโดยใช้กราฟและเครื่องมือทางสถิติ
62. Divergence (การแยกทาง): สถานการณ์ที่ราคาและตัวบ่งชี้ทางเทคนิคเคลื่อนไหวในทิศทางตรงกันข้าม
63. Consolidation (การรวมตัว): ช่วงเวลาที่ราคาเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ หลังจากการเคลื่อนไหวอย่างมีนัยสำคัญ
64. Correction (การปรับฐาน): การลดลงชั่วคราวของราคาหลังจากการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
65. Overbought (การซื้อมากเกินไป): สภาวะที่ราคาสินทรัพย์เพิ่มขึ้นเร็วเกินไปและอาจปรับตัวลดลง
66. Oversold (การขายมากเกินไป): สภาวะที่ราคาสินทรัพย์ลดลงเร็วเกินไปและอาจปรับตัวเพิ่มขึ้น
คำศัพท์เกี่ยวกับการวิเคราะห์พื้นฐาน
67. Earnings Per Share (กำไรต่อหุ้น): เป็นตัวบ่งชี้ที่ใช้วัดความสามารถในการทำกำไรของบริษัท โดยคำนวณจากกำไรสุทธิหารด้วยจำนวนหุ้นที่ออกจำหน่าย
68. Price to Earnings Ratio (อัตราส่วนราคาต่อกำไร): เป็นตัวบ่งชี้ที่ใช้วัดความคุ้มค่าของหุ้น โดยคำนวณจากราคาหุ้นหารด้วยกำไรต่อหุ้น
69. Dividend Yield (อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล): เป็นตัวบ่งชี้ที่ใช้วัดผลตอบแทนจากเงินปันผลที่นักลงทุนได้รับ โดยคำนวณจากเงินปันผลต่อหุ้นหารด้วยราคาหุ้น
70. Return on Equity (อัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น): เป็นตัวบ่งชี้ที่ใช้วัดความสามารถในการทำกำไรของบริษัท โดยคำนวณจากกำไรสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้น
71. Debt to Equity Ratio (อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น): เป็นตัวบ่งชี้ที่ใช้วัดความเสี่ยงทางการเงินของบริษัท โดยคำนวณจากหนี้สินรวมหารด้วยส่วนของผู้ถือหุ้น
72. Market Capitalization (มูลค่าตลาด): เป็นมูลค่ารวมของหุ้นทั้งหมดของบริษัทที่คำนวณจากราคาหุ้นคูณด้วยจำนวนหุ้นทั้งหมด
73. Book Value (มูลค่าตามบัญชี): เป็นมูลค่าของสินทรัพย์ทั้งหมดของบริษัทหลังจากหักหนี้สินแล้ว
74. Fundamental Analysis (การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน): วิธีการวิเคราะห์มูลค่าของสินทรัพย์โดยพิจารณาปัจจัยทางเศรษฐกิจ การเงิน และอื่นๆ ที่อาจส่งผลต่อราคา
คำศัพท์เกี่ยวกับกลยุทธ์การเทรด
75. Day Trading (การเทรดรายวัน): เป็นกลยุทธ์การเทรดที่นักเทรดเปิดและปิดตำแหน่งในวันเดียวกัน เพื่อทำกำไรจากความผันผวนของราคาในระยะสั้น
76. Swing Trading (การเทรดแบบแกว่งตัว): เป็นกลยุทธ์การเทรดที่นักเทรดถือครองตำแหน่งเป็นเวลาหลายวันหรือสัปดาห์ เพื่อทำกำไรจากแนวโน้มของราคาในระยะกลาง
77. Scalping (การเทรดแบบถี่): เป็นกลยุทธ์การเทรดที่นักเทรดเปิดและปิดตำแหน่งในช่วงเวลาสั้น ๆ เช่น วินาทีหรือนาที เพื่อทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาเล็กน้อย
78. Hedging (การป้องกันความเสี่ยง): เป็นกลยุทธ์การลงทุนที่ใช้การเปิดตำแหน่งตรงข้ามในสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกัน เพื่อลดความเสี่ยงจากการเคลื่อนไหวของราคา
79. Position Trading (การเทรดระยะยาว): เป็นกลยุทธ์การเทรดที่นักเทรดถือครองตำแหน่งเป็นเวลาหลายเดือนหรือปี เพื่อทำกำไรจากแนวโน้มของราคาในระยะยาว
80. Spread Betting (การเดิมพันส่วนต่าง): รูปแบบการเก็งกำไรทางการเงินที่นักลงทุนเดิมพันบนการเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์
81. Carry Trade (การค้าแบบแบกรับ): กลยุทธ์การลงทุนที่กู้ยืมในสกุลเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำเพื่อลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า
82. Arbitrage (การทำกำไรจากส่วนต่างราคา): การทำกำไรจากความแตกต่างของราคาของสินทรัพย์เดียวกันในตลาดที่แตกต่างกัน